แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Network แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Network แสดงบทความทั้งหมด

วันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

TCP/IP (Transmitsion Control Protocol/Internet Protocol)

TCP/IP (Transmitsion Control Protocol/Internet Protocol)

          เป็นชุดโปรโตคอลที่นำโปรโตคอลหลายๆ ตัวมาใช้งานร่วมกัน โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้เครื่องของผู้ใช้งานสามารถส่งข้อมูลจากต้นทาง - ปลายทาง  ทั้งเครือข่ายภายใน (Local) และเครือข่ายภายนอก (Internet) ถึงแม้ว่าในระหว่างการส่งข้อมูล เกิดเส้นทางในการส่งข้อมูลเกิดปัญหา โปรโตคอลก็จะค้นหาเส้นทางใหม่เพื่อให้ข้อมูลสามารถส่งไปถึงปลายทางได้และเป็นโปรโตคอลที่มีความคล่องตัวต่อการสื่อสารข้อมูลได้หลายชนิดทั้งแบบที่ไม่มีความเร่งด่วน เช่น การจัดส่งแฟ้มข้อมูล และแบบที่ต้องการรับประกันความเร่งด่วนของข้อมูล เช่น การสื่อสารแบบ real-time และทั้งการสื่อสารแบบเสียง (Voice) และข้อมูล (Data)



รูปที่ 1 OSI Model and TCP/IP

          จากรูปที่ 1 เป็นการเปรียบเทียบแต่ละ Layer ของ TCP/IP กับ  OSI Model  ว่ามีความสัมพันธ์กันอย่างไร ซึ่งผู้อ่านสามารถทำความเข้าใจได้ 

Application Layer   

          จะเป็นชั้น ที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อกับผู้ใช้และให้บริการต่าง ๆ เช่น FTP, Telnet, SNMP ฯลฯ โดยจะมีการทำงานเหมือนกับ 3 ชั้นบนของ OSI Model

Host-to-Host Layer 

          จะเป็น TCP หรือ UDP ที่ทำหน้าที่คล้ายกับชั้นที่ 4 ของ OSI คือ ควบคุมการรับส่งข้อมูลจากปลายด้านส่งถึงปลายด้านรับข้อมูล และตัดข้อมูลออกเป็นส่วนย่อยให้เหมาะกับเครือข่ายที่ใช้รับส่งข้อมูล รวมทั้งประกอบข้อมูลส่วนย่อยๆนี้เข้าด้วยกันเมื่อถึงปลายทาง

Internet Layer 

          ได้แก่ส่วนของโปรโตคอล IP ซึ่งทำหน้าที่คล้ายกับชั้นที่ 3 ของ OSI คือเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เข้ากับระบบเครือข่ายที่อยู่ชั้นล่างลงไป และทำหน้าที่เลือกเส้นทางการรับส่งข้อมูลผ่านอุปกรณ์เครือข่ายต่าง ๆ จนไปถึงผู้รับข้อมูล ในชั้นนี้จะจัดการกับกลุ่มข้อมูลในลักษณะที่เรียกว่า frame ในรูปแบบของ TCP/IP ที่เรารู้จักกันนั่นเอง

Network Access Layer 

          ชั้นที่ควบคุม Hardware การรับส่งข้อมูลผ่านเครือข่าย ซึ่งเทียบได้กับชั้นที่ 1 และ 2 ของ OSI ในชั้นนี้จะทำหน้าที่เชื่อมต่อกับ Hardware และควบคุมการรับส่งข้อมูลในระดับ Hardware ของเครือข่าย ซึ่งที่ใช้กันอยู่จะเป็นตามมาตรฐานของ IEEE เช่น IEEE 802.3 จะเป็นการเชื่อมต่อผ่าน LAN แบบ Ethernet LAN หรือ IEEE 802.5 จะเป็นการเชื่อมต่อผ่าน LAN แบบ Token Ring เป็นต้น



รูปที่ 2  TCP/IP Protocol Stack

          จากรูปที่ 2 เป็น flow การทำงานของ Protocol ที่อยู่ใน  OSI Model  ความสัมพันธ์ของแต่ละ Protocol ในแต่ละชั้นผู้อ่านลองมาเปรียบเทียบกับชั้นของ TCP/IP ดูนะครับว่า โปรโตคอลไหนอยู่ชั้นไหน ซึ่งผมจะอธิบายหลักการทำงานของแต่ละ Protocol ที่สำคัญๆ ในบทความต่อ ๆ ไปนะครับ....^_^









วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

การออกแบบเน็ตเวิร์กเป็นลำดับชั้น (Hierarchical Network Design)

Hierarchical Design

      เป็นหลักการออกแบบเน็ตเวิร์กอย่างหนึ่ง (ผมก็ไม่กล้าฟันธงนะว่ามีอย่างอื่นหรือเปล่าแต่เท่าที่รู้มีแต่อันนี้ละ 555+ )  เพื่อให้ผู้ดูแลระบบสามารถวางแผนในการวางเน็ตเวิร์กได้ง่าย  สะดวกในการเลือกใช้อุปกรณ์ ง่ายต่อการคอนฟิกและที่สำคัญง่ายต่อการแก้ไขปัญหาบางจุด  โดยการออกแบบเน็ตเวิร์กที่เป็นลำดับชั้นนี้จะมีทั้งหมด 3 Layer คือ   Access Layer (ชั้นล่าง), Distribution Layer (ชั้นกลาง) และ Core Layer (ชั้นบน)


Access Layer

      เป็นชั้นที่อยู่ใกล้กับผู้ใช้งานมากๆเนื่องจากชั้นนี้เป็นชั้นที่อุปกรณ์เน็ตเวิร์กเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้งานกับอุปกรณ์เน็ตเวิร์กชั้น Distribution หรือ Core Layer  (แล้วแต่ออกแบบอ่ะนะ = = ") โดยส่วนใหญ่จะเป็นอุปกรณ์ที่ทำงานอยู่บน Layer 2 ซึ่งเป็นอุปกรณ์ราคาถูกจำพวก Switch L2 เป็นต้น

OSI Model

OSI Model (Open Systems Interconnection model)


          เป็นลำดับชั้นในการติดต่อสื่อสารระหว่างอุปกรณ์ โดยแต่ละชั้นมีหน้าที่การทำงานที่แตกต่างกัน OSI Model ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้ ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ หรือ ซอร์ฟแวร์ ใช้เป็นโครงสร้างในการสร้างอุปกรณ์ เพื่อให้อุปกรณ์ให้สามารถทำงานร่วมกันได้ถึงแม้อุปกรณ์จะมาจากผู้ผลิตคนละรายองค์ประกอบของ OSI MedelOSI Model มีองค์ประกอบทั้งหมด 7 ชั้น ซึ่งทำหน้าที่แตกต่างกัน โดยผู้เขียนจะอธิบายจากชึ้น บนลงมาเพื่อให้ผู้อ่านได้ทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้น (หรือป่าวว >,,<)






วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

IP Address


IP Address 

IP Address หรือ Internet Protocol Address มีความสำคัญอย่างไร และเกี่ยวข้องอะไรกับ
เราบ้าง ปัจจุบันคงไม่ต้องกล่าวถึงแล้ว IP Address เป็นหมายเลขที่ใช้กำหนดให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือ
อุปกรณ์ Network ต่างๆ เช่น Router, Switch , Firewall , IP Camera , IP Phone , Access
point , เป็นต้น และอีกไม่นานอุปกรณ์ไฟฟ้าหรืออุปกรณ์สื่อสารทุกประเภทที่จะออกวางจำหน่ายจะมีIP
Address ติดมาด้วยจากโรงงานเลยทีเดียว IP Address ที่ใช้ในปัจจุบันนั้นจะเป็นชนิดที่เรียกว่า IPv4
(IP version 4) ซึ่งไม่เพียงพอต่อการใช้งาน จึงมีการพัฒนาเป็น IPv6 (IP version 6) เพื่อรองรับ
อุปกรณ์และเทคโนโลยีใหม่ๆที่ต้องใช้IP Address ในการติดต่อสื่อสาร และในเมืองไทยเองก็มีการใช้IPv6
ในหลายหน่วยงานแล้ว หน่วยงานที่จัดสรร IP Address ให้ในแถบ Asia Pacific คือAPNIC ผู้
ให้บริการ Internet หรือ ISP จะขอ IP จาก APNIC แล้วนำมาแจกจ่ายให้แก่ลูกค้าของ ISP นั้นๆอีกต่อไป
สำหรับผู้ที่จะสอบใบ Certificate ค่ายต่างๆ เช่น CCNA , CCNP , LPI , Security + , CWNA
เป็นต้น ล้วนแล้วแต่จะต้องมีความรเู้ กี่ยวกับ IP Address ทั้งสิ้น โดยเฉพาะ IPv4 จะต้องคำนวณได้อย่าง
แม่นยำและรวดเร็ว